ความจริงแล้วการใช้ระบบแบบ Centralized Computing หรือ Centralized Management ทำให้ระบบตอบสนองข้อมูลต้องทำงานหนัก และใช้พละกำลังไปกับการประมวลผลข้อมูลที่ไม่จำเป็น รวมถึงยังทำให้ต้องเสียงบประมาณในการจัดการกับจุดเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบส่วนกลางและระบบ Cloud ที่เกินความเป็นจริงอีกด้วย
⠀⠀
เพื่อแก้ปัญหานี้ Edge Computing จึงได้ก้าวเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองต่ออุปกรณ์ต่างๆให้ทันท่วงทียิ่งขึ้น
⠀⠀
โดย Edge Computing คือการวางตัวประมวลผลข้อมูลเบื้องต้นไว้ใกล้กับจุดของอุปกรณ์มากที่สุด สำหรับจัดการกับข้อมูลก่อนที่จะส่งไปยังส่วนอื่นๆที่จำเป็นโดยไม่ต้องผ่านจุดศูนย์กลางเพื่อลดระยะเวลาการตอบสนองทำให้การประมวลผลข้อมูลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างบริษัทที่นำระบบนี้มาใช้ก็คือ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง F5 นั่น