ในปัจจุบันนับว่าเป็นหน้าที่สำคัญขององค์กรต่าง ๆ ที่ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสภาพแวดล้อมมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการนำเนินธุรกิจ การออกกลยุทธ์ ไปจนถึงรายละเอียดต่าง ๆ ในการทำงาน โดยไม่ได้เน้นไปที่การสร้างผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืนด้วย เพื่อรักษาอนาคตที่สดใสให้กับมนุษยชาติรุ่นต่อไป
หนึ่งในเทคโนโลยีที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือในด้านนี้ได้คือการใช้ AI ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์และคาดการณ์ ไปจนถึง Generative AI ที่สามารถคิดสร้างสรรค์ได้ ให้มาช่วยวิเคราะห์การดำเนินธุรกิจให้มีความยั่งยืนและสอดคล้องกับหลักการ ESG มากขึ้น ต่อไปนี้คือตัวอย่างภาคส่วนที่ AI สามารถเข้ามาช่วยเหลือให้ยั่งยืนขึ้นได้
ด้านสิ่งแวดล้อม: ใช้ AI ในการบริหาร Supply Chain
ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์รายละเอียด AI จึงสามารถเข้ามาช่วยตรวจสอบการบริหาร Supply Chain ในขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อหาจุดบกพร่องเล็กน้อยที่อาจถูกมองข้าม หรือถูกทำให้ได้ขึ้นได้ เพื่อทำให้ใช้ทรัพยากรได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ลดการทิ้งขยะ และลดการปลดปล่อยคาร์บอน
ตัวอย่างเช่น Walmart ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ระดับโลก ก็ได้นำ AI มาใช้ในการบริหาร Supply Chain โดยโฟกัสไปที่กระบวนการขนส่งให้ขนเชื้อเพลิงน้อยลง โดย AI ได้เข้ามาวิเคราะห์เส้นทางการขนส่งอย่างละเอียดโดยคำนึงถึงจราจร สภาพอากาศ ตารางการขนส่ง รถที่วิ่ง เพื่อแนะนำเส้นทางการขนส่งสินค้าที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด ทำให้ใช้เชื้อเพลิงน้อยลง ลดการปลดปล่อยคาร์บอน และยังทำให้ธุรกิจเติบโตอีกด้วย
ด้านความเท่าเทียม: นำ AI มาช่วยลดอคติในการจ้างงาน
การเพิ่มความหลากหลายและความเท่าเทียมในที่ทำงานก็เป็นหนึ่งในหัวข้อหลักที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งสามารถเริ่มได้ตั้งแต่กระบวนการจ้างงานให้หลากหลายและไม่มีอคติมากขึ้น โดย AI สามารถเข้ามาช่วยในส่วนนี้ได้
ตัวอย่างเช่นบริษัท Unilever บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ ก็ได้ใช้ AI เข้ามาช่วยลดอคติในการจ้างงานด้วยการปรับ Resume ของผู้สมัครให้มีมาตรฐานเดียวกันหมดทั้งหมด และซ่อนคำที่ระบุถึงเพศ เชื้อชาติ หรือสัญชาติ เพื่อให้ผู้คัดกรองดูจากความสามารถและข้อมูลที่อยู่ในใบสมัครเป็นหลัก แทนที่จะเอาปัจจัยอย่างเรื่องเพศหรือสัญชาติมาเป็นตัวชี้วัดในการคัดเลือกพนักงาน ซึ่งช่วยลดอคติและนำมาสู่ความหลากหลายในองค์กรมากขึ้น
ด้านคุณธรรม: ใช้ AI ในการตรวจจับสัญญาณของการทุจริต
คุณธรรมและความโปร่งใสก็เป็นอีกหนึ่งการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่พึงกระทำ ธุรกิจต่าง ๆ ควรดำเนินด้วยความโปร่งใสและมีคุณธรรมเพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากผู้ได้รับผลกระทบรอบด้านไม่ว่าจะเป็นลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ไปจนถึงสังคม และการใช้ AI ก็สามารถเข้ามาเพิ่มความโปร่งใสให้กับธุรกิจได้
ตัวอย่างเช่นบริษัท JPMorgan Chase สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ ก็ได้ใช้ AI ในการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งมีความแม่นยำและละเอียดอ่อนมากกว่าการตรวจสอบโดยมนุษย์อย่างแน่นอน โดยเป้าหมายของการทำสิ่งนี้คือเพื่อจับตามองและสังเกตธุรกรรมทางการเงินที่มีความผิดปกติและเสี่ยงจะเป็นการทุจริต สิ่งที่ช่วยลดอัตราการทุจริตได้อย่างมาก และเป็นตัวยืนยันว่า AI สามารถเข้ามาช่วยเหลือในส่วนที่เกี่ยวกับคุณธรรมได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้อีกมากมาย ที่เทคโนโลยี AI จะสามารถเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของธุรกิจ และทำให้ธุรกิจสามารถสร้างกำไรไปพร้อม ๆ กับแสดงความรับผิดชอบทางสังคม เพื่อให้โลกโดยรวมเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งทั้ง AI และความยั่งยืน ก็ล้วนเป็นเป้าหมายหลักที่ MFEC กำลังโฟกัสทรัพยากรลงไปในช่วงนี้ โดยมีเป้าหมายว่าจะเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีละเป็นแบบอย่างด้านบริษัทไอทีที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
สนใจบริการต่าง ๆ ของทาง MFEC สามารถดูเพิ่มเติมและติดต่อได้ที่: https://www.mfec.co.th/solutions-and-services/