Skip links
View
Drag

ส่องตัวอย่าง บริษัทที่ลงทุนใน AI แล้วลดต้นทุนได้มหาศาล

การลงทุนใน AI อาจฟังดูเป็นค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ แต่ในความเป็นจริง มันอาจเป็นหนึ่งในการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในการทำธุรกิจเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยพลังการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากอย่างแม่นยำ สามารถทำให้ขั้นตอนหลายอย่างของธุรกิจกลายเป็นอัตโนมัติมากขึ้นและประหยัดเงินได้มหาศาล โดยเฉพาะกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรในการลงทุนมากพอและมีความซับซ้อนในการดำเนินธุรกิจค่อนข้างสูง

ต่อไปนี้คือตัวอย่างบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ตัดสินใจลงทุนใน AI เพื่อนำมาช่วยงาน

Coca-Cola ประหยัดเงินได้หลายล้านจากงานเอกสารวุ่นวาย

บริษัทเครื่องดื่มยอดฮิตนี้ มีคู่ค้าในทวีปอเมริกากว่า 70 บริษัทที่คอยทำหน้าที่บรรจุเครื่องดื่มลงขวดและกระจายส่งไปทั่วทุกที่ให้ แต่การที่มีคู่ค้ามากมายขนาดนี้ ปัญหาที่ตามมาคืองานเอกสารที่ยุ่งยากเพราะแต่ละบริษัทก็มีวิธีการทำเอกสารแตกต่างกันไป ถึงแม้ว่าโค้กจะมีระบบจัดการทรัพยากรกลางชื่อว่า SAP อยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่อยากบังคับให้บริษัทบรรจุขวดทุกรายต้องฝืนมาใช้ระบบนี้ แต่อยากให้อิสระคู่ค้าทุกรายในการดำเนินธุรกิจของตัวเองมากกว่า

ทางโค้กก็เลยลงทุนในเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยอ่านและดึงข้อมูลจากเอกสารหลายล้านฉบับต่อเดือนที่มีรูปแบบแตกต่างกันไปเหล่านี้ เพื่อให้กลายเป็นข้อมูลมาตรฐานก่อนที่จะส่งเข้าระบบกลางเพื่อนำไปใช้งาน โดยการนำ AI เข้ามานี้ ไม่กระทบกระบวนการทำงานอื่นเลย ผู้บรรจุขวดก็ยังทำงานแบบเดิม แถมข้อมูลก็ยังไปจบที่ปลายทางเป็น SAP เหมือนเดิม แต่ขั้นตอนตรงกลางระหว่างนั้นมีความอัตโนมัติและง่ายดายมากขึ้น ทำให้โค้กสามารถประหยัดเงินและความวุ่นวายด้านเอกสารไปหลายล้านเหรียญต่อปีเลยทีเดียว

Amazon ที่ใช้ AI จัดการคลังสินค้าได้แม่นยำสุดยอด

เป็นที่รู้กันว่าแอมะซอนต้องจัดการกับระบบคลังสินค้าขนาดใหญ่ที่มีสินค้ามากมายมหาศาล เนื่องจากสินค้าบนเว็บไซต์ส่วนมากนั้นไม่ได้ถูกส่งโดยผู้ผลิต แต่จะถูกเก็บไว้ที่โกดังของแอมะซอนและจัดส่งโดยแอมะซอนเอง

ด้วยการใช้ AI เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ทำให้บริษัทสามารถคาดการณ์อนาคตได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ เทรนด์ของตลาด และความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วง สิ่งนี้ทำให้ระบบการคลังของแอมะซอนนั้นมีความแม่นยำและคล่องตัวอย่างมากในการสต้อกสินค้าและจัดส่ง ทำให้ต้นทุนทางการคลังลดลงไปได้มหาศาลจากประสิทธิภาพในการจัดการที่ดีขึ้น และยังเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้อีกด้วยเนื่องจากของแทบไม่เคยขาดตลาดและมีการขนส่งที่รวดเร็วทันใจ

Intel สามารถแก้ปัญหาได้ก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น

ในฐานะบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกที่มีผู้ใช้บริการมากมายมหาศาล หนึ่งในหน้าที่สำคัญของ Intel คือการทำให้แน่ในว่าช่วงเวลา downtime ของระบบและอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นมีน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งการจะได้มาด้วยสิ่งนี้นั้นต้องใช้ทรัพยากรด้าน maintenance สูงมาก

แต่ด้วยการนำ AI เข้ามาช่วยเหลือในการคาดการณ์ความต้องการในการ maintenance ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้ปัญหาเหล่านี้ลดลงไปเยอะ โดยทาง Intel ติดตามข้อมูลต่าง ๆ ของอุปกรณ์แบบ Real-time ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิ ความสั่น และมาตรวัดประสิทธิภาพต่าง ๆ และนำไปวิเคราะห์ผ่าน AI สิ่งนี้ทำให้ Intel สามารถคาดการณ์ความเป็นไปได้ที่อุปกรณ์จะล้มเหลวก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริงเสียอีก และเข้าไปแก้ไขตรงนั้นก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ downtime ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ลดลงได้อย่างมากและประหยัดทั้งต้นทุนและทรัพยากรในการ maintenance การแก้ปัญหา และกู้รายได้ที่เคยเสียไปจากช่วงเวลาที่อุปกรณ์ล้มเหลวได้

ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง AI ที่ถึงแม้อาจมีราคาสูง แต่มันไม่ใช่ค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง แถมยังเป็นการลงทุนที่สามารถประหยัดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ ไปจนถึงช่วยสร้างรายได้มากกว่าเดิมจากประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นและเป็นอัตโนมัติได้อีกด้วย

May be an image of text that says "MFEC ส่องตัวอย่าง บริษัทที่ลงทุนใน AI แล้วลดต้นทุนได้มหาศาล!"

สนใจบริการต่าง ๆ ของทาง MFEC สามารถดูเพิ่มเติมและติดต่อได้ที่: https://www.mfec.co.th/solutions-and-services/