เหตุการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน นับเป็นการปะทะกันที่รุนแรงที่สุดในทวีปยุโรปนับแต่สงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากความสูญเสียที่เกิดขึ้นแล้ว ในส่วนของมาตรการต่างๆ ยังแสดงให้เห็นว่าบริการไอทีกลายเป็นตัวแปรสำคัญเมื่อเกิดเหตุระดับประเทศ
บริษัทในรัสเซียตอนนี้ถูกตัดการให้บริการไอทีเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Software-as-a-Service, Platform-as-a-Service, หรือ Infrastructure-as-a-Service การที่โครงสร้างจำนวนมากหายไปในเวลาสั้น ๆ ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าจะกู้คืนให้ธุรกิจเดินต่อไปได้
ส่วนสำคัญที่สุดของธุรกิจคงเป็นตัวข้อมูลธุรกิจเอง ที่หากเสียข้อมูลไปแล้วแทบไม่สามารถกู้บริการกลับมาได้เลยไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใด การเตรียมรับมือเหตุการณ์เช่นนี้ น่าจะทำให้หลายองค์กรวางแผนให้อย่างน้อยที่สุดยังคงมีตัวข้อมูลหลักของธุรกิจอยู่กับตัวองค์กรเอง แม้จริง ๆ แล้วจะใช้บริการคลาวด์ก็ตาม
สิ่งที่เราควรตระหนักคือ แม้บริการจะเป็น Software-as-a-Service ที่ผูกกับตัวบริการอย่างแนบแน่นก็ตาม บริการระดับองค์กรก็มักเปิดทางให้ลูกค้าสามารถดึงข้อมูลออกไปสำรองไว้ที่อื่นได้ อย่างที่เราเห็นกันบ่อย ๆ เช่น การดาวน์โหลดภาพจากจากบริการฝากภาพต่าง ๆ หรือบริการอีเมลที่มักมีให้ดาวน์โหลดอีเมลออกมาเก็บไว้ ซึ่งหากองค์กรมีข้อมูลอยู่กับตัวแม้จะถูกตัดบริการซอฟต์แวร์ไป ก็ยังมีความหวังได้ว่าจะสามารถนำข้อมูลไปใช้กับบริการอื่น ๆ ต่อได้
นอกจากตัวข้อมูลแล้วการตระหนักว่าธุรกิจของเราต้องเดินต่อไปได้แม้จะถูกผู้ให้บริการบางรายตัดบริการไปก็สำคัญเช่นกัน สำหรับบริการแบบ IaaS นั้นมีการพูดมานานแล้วว่าธุรกิจควรมองถึงแนวทาง Multi-Cloud ให้ใช้งานได้หลากหลายตามความความเหมาะสม ทั้งในแง่ของราคาและเทคโนโลยีที่ผู้ให้บริการแต่ละรายมีจุดเด่นต่างกัน การเตรียมพร้อมเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจยังเดินหน้าต่อไปได้แม้เกิดเหตุในระดับประเทศเช่นนี้ก็ อาจจะต้องเตรียมความพร้อมด้วยบริการคลาวด์ในประเทศ หรือแม้แต่การใช้คลาวด์ในองค์กร (on-premise cloud) บางส่วน เผื่อกรณีที่แย่ที่สุดก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
Content curator : Wason Liwlompaisan, CTO – MFEC