เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท Colonial Pipeline ทางฝั่งตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริกาโดนโจมตีด้วย Ransomeware ทำให้ระบบการขนส่งน้ำมันผ่านท่อลำเลียงล่ม ต้องปิดทำการและกลับมาใช้การขนส่งแบบ Offline โดยผู้ที่โจมตีในครั้งนี้คาดว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่มีชื่อว่า Darkside ที่ทาง FBI ของสหรัฐได้ติดตามสอบสวนมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว
⠀⠀⠀⠀
แต่ล่าสุดมีข่าวดีจากทางบริษัท Bitdefender ว่าจริงๆแล้วในตัว Ransomware ของ Darkside มีข้อบกพร่อง และประกาศให้บริษัทอื่นๆที่โดนโจมตีในกรณีคล้ายๆกันสามารถดาวน์โหลดอุปกรณ์ของตนเพื่อหลีกเลี่ยงการที่ต้องจ่ายเงินกว่าหลายล้านดอลล่าให้กับแก๊ง Ransomware เหล่านี้
⠀⠀
ในทางกลับกันผู้เชี่ยวชาญด้าน Ransomware อย่าง Fabian Wosar และโปรแกรมเมอร์อย่าง Michael Gillespie ที่สร้างกลุ่มอาสาขึ้นมาเพื่อจัดการกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ด้าน Ransomware เผยว่า การที่บริษัทเทคโนโลยีหรือซอฟต์แวร์ต่างๆ เห็นโอกาสในการสร้างรายได้ผ่านการโจมตีเหล่านี้ ทำให้วงการ Ransomware ยิ่งพัฒนาและเติบโตขึ้นไปอีกกว่าเดิม ผ่านการออกมาประกาศต่อสาธารณะชนว่ามีวิธีแก้ไขแล้ว สามารถมาซื้อบริการที่นี่ได้
⠀⠀
พอได้ยินแบบนี้แล้วเรื่อง Security ก็ไม่ใช่อะไรที่ไกลตัวพวกเราอีกต่อไป เพราะขนาดบริษัทระดับโลกยังสามารถตกเป็นผู้เสียหายของอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้ เมื่อเป็นแบบนี้ การศึกษาหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน IT Security ถือเป็นอีกทางหนึ่งที่จะป้องกันข้อมูล และหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทางไซเบอร์ต่างๆได้ในอนาคต
อ้างอิง:
What We Know About The Ransomware Attack On A Critical U.S. Pipeline : NPR
The Colonial pipeline ransomware hackers had a secret weapon: self-promoting cybersecurity firms | MIT Technology Review
The Ransomware Superhero of Normal, Illinois — ProPublica